ประวัติความเป็นมาไก่เทาหางขาว
ไก่เทา หรือไก่สีเทา เป็นไก่พื้นเมืองไทยมาแต่โบราณ เริ่มแต่สุโขทัยเป็นต้นมา ไก่เทาเป็นไก่ชั้นเชิงดีพันธุ์หนึ่งของไทย มีลำหักลำโค่นใกล้เคียงกับไก่เขียวหางดำ นิยมเลี้ยงกันโดยทั่วๆ ไป จากชาวบ้านจนถึงขุนนาง พระยา เช่น หลวงเมืองตาก เลี้ยงไก่โทนเถ้าเป็นไก่เทาทอง หรือเทาเหลือง บางคนเรียก “เทาฤาษี” ใน สมัยอยุธยาตอนปลาย ครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ยังทรงเป็นเจ้าเมืองตาก ได้ทรงทอดพระเนตรและทรงเป็นกรรมการชนไก่ ระหว่างไก่เขียวพาลีของพระยาพิชัยดาบหักกับไก่โทนเถ้าของหลวงเมืองตากหรือ พระยาพระคลัง ไก่โทนเถ้าที่ว่านี้เป็นไก่สีเทาทองคำ หรือเทาเหลือง เป็นไก่เก่งมีชั้นเชิง มีลำหักลำโค่นชนชนะไก่มาแล้วหลายตัว จนเป็นที่เลื่องลือในเมืองตาก และไม่มีใครจะชนด้วย
หลวง เมืองตากเคยชนไก่กับพระยาพิชัยดาบหัก แต่แพ้ไก่ของพระยาพิชัยดาบหักทุกครั้ง ครั้งนี้หลวงเมืองตากได้ไก่โทนเถ้ามาคิดจะแก้มือจึงไปท้าพระยาพิชัยชน เดิมพันกันโดยไม่ต้องเปรียบตัวกันแบบชนิดคลุมโปงตีกันเลย พระยาพิชัยชนะไก่อื่นมามากและชนะไม่เกินอันสาม ครั้นถึงวัน เมื่อปล่อยไก่ ไก่โทนเถ้าได้เปรียบใหญ่กว่าไก่พาลี ได้ทีก็ขี่ทับ ตีที่แสกหน้าและท้ายเสนียดและคอเชือด ทำให้ไก่พาลีเจ็บปวดมาก ต้องออกวิ่งล่อแทบจะแพ้ ไก่โทนเถ้าเป็นต่อไก่พาลีหลายขุม ขณะไก่โทนเถ้าชักและล้มลง พอได้สติลุกขึ้น เป็นจังหวะที่ไก่พาลีตีซ้ำไปถูกแถวคอเชือดถึงหลอดลมขาดถึงแก่ความตาย ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อนคิดว่าไก่โทนเถ้าน่าจะชนะ
แหล่งกำเนิด ไก่เทา มีแหล่งกำเนินทั่วไปของประเทศไทย แหล่งกำเนิดไก่เทาที่มีชื่อเสียง เช่น จังหวัดตาก ชลบุรี (อ.พนัสนิคม) เพชรบุรี (อ.บ้านแหลม) ส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะพบที่ จังหวัดกาฬสินธุ์ นครราชสีมา และอุบลราชธานี เป็นต้น
ประเภท ไก่เทา เป็นไก่ขนาดกลาง น้ำหนักเพศผู้หนัก 3.00 กิโลกรัมขึ้นไป เพศเมีย 2.00 กิโลกรัมขึ้นไป
สี ของเปลือกไข่ สีขาวนวล
ลักษณะลูกไก่ มีขนลำตัวสีเทาอ่อน ขนหัว หน้าอก ปีกไชสีขาวอมเหลือง ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีขาวอมเหลืองคล้ายลูกไก่เหลืองหางขาว
สายพันธุ์ไก่ เทาหางขาว มีอยู่ 6 พันธุ์ คือ
1. ไก่เทาทองคำหรือเทาฤาษี เป็นไก่เทายอด นิยมอันดับหนึ่งเหนือไก่เทาอื่นใด ไก่เทาทองหรือเทาเหลืองที่โด่งดัง เป็นไก่โทนเถ้าของหลวงเมืองตาก ชนชนะไก่มากมายดังกล่าวข้างต้น
ลักษณะ เด่นประจำพันธุ์ เทาทองคำ คือ ขนพื้นลำตัวสีเทาอ่อน แบบขี้เถ้าฟืน ขนปีก ขนหางพัดสีเทาแบบสีพื้นลำตัว ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลังและขนระย้าสีเหลืองทองแบบเหลืองหางขาว ขนหางกระรวยโคนเทาปลายขาว หรือกระรวยคู่กลางขาวปลอด ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีขาวอมเหลืองรับกัน ขนปิดหูสีเหลืองทองตาหลาหมอตาย คล้ายไก่เหลืองหางขาวมาก
2. ไก่เทาทองแดง เป็นไก่เทาอันดับสองรองจากไก่เทาทองคำ
ลักษณะเด่นประจำพันธุ์ เทาแดง หรือเทาทองแดง ขนพื้นลำตัวสีเทาแก่ ก้านขนจะแดง ขนปีกขนหางพัดสีเทาแก่ ขลิบขนและก้านขนแดง หางกระรวย สีเทาปลายขาว ก้านขนแดง ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง และระย้าสีทองแดง คล้ายไก่ทองแดงหางดำ ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีขาวอมแดง ขอบเกล็ดสีแดงจะออกเข้มกว่ากลางเกล็ด ขนปิดหูสีแดงแบบสีสร้อย ตาสีแดง 3. ไก่เทาสวาด เป็นไก่เทา อันดับสามรองจากเทาทองแดง
ลักษณะเด่นประจำพันธุ์
เทาสวาด ขนพื้นลำตัว ขนปีก ขนหางพัดสีเทาแบบลูกกวาด หรือแบบสีเรือรบ หางกระรวยสีโคน ขนสีสวาด ปลายขนสีขาว ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง ระย้า ขนปิดหู สีเทาสวาดเข้มกว่าสีพื้นตัว ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีขาวอมเหลือง ขอบเกล็ดสีเทา ตาสีเหลืองไพล 4. ไก่เทาหม้อ เป็นไก่เทา อับดับ 4 รองจากเทาทองสวาด
ลักษณะเด่นประจำพันธุ์
เทาหม้อ ขนพื้นตัว ขนปีก ขนหางพัดสีเทาแก่ หางกระรวยสีเทาปลายขาว ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง ระย้าสีเทาแก่แบบสีมะขามไหม้ ขนปิดหูสีเดียวกับสร้อย หาก แข้ง เล็บ เดือย สีขาวอมเหลือง 5. ไก่เทาขี้เถ้า เป็นไก่ เทาอับดับ 5 รองจากเทาหม้อ
ลักษณะเด่นประจำพันธุ์
เทาขี้เถ้า ขนพื้นตัว ขนปีก ขนหางพัดสีเทาอ่อนแบบสีขี้เถ้า ฟืน หรือสีนกพิราบ หางกระรวยโคนขนสีเทา ปลายขนขาวค่อนข้างมาก ขนปิดหูสีเทาอ่อน ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง ระย้าสีเทาอ่อน ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีขาวอมเหลือง ตาสีขาวขุ่นแบบควันไฟ 6. ไก่เทาขี้ควาย เป็นไก่เทา อันดับ 6 รองจากเทาขี้เถ้า
ลักษณะเด่นประจำพันธุ์
เทาขี้ควาย ขนพื้นลำตัว ขนปีก ขนหางพัดสีเทาแก่ หางกระรวยสีเทาแซมขาวเล็กน้อย ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง ขนปิดหูสีดำ ตาสีคล้ำดำ
ลักษณะ เด่นประจำพันธุ์เพศผู้
รูปร่าง ลักษณะ ไก่เทามีรูปร่าง ลักษณะ 2 อย่าง อย่างหนึ่ง รูปร่างเพรียวบางยาวระหง อีกลักษณะหนึ่งล่ำเตี้ย รูปหัวปลีและเบี้ยจั่น ลำตัวกลมหางยาวทรงฟ่อนข้าวและทรงหางม้า
ปีก ปีกใหญ่และยาว เป็นปีกตอนเดียวไม่ห่าง ไม่โหว่ ปีกสีเทาเหมือนขนพื้นลำตัวสร้อย หัวปีกสีเดียวกับสร้อยหลังและสร้อยคอ
ใบหน้า กลมกลึงหน้าแบบหน้านกหน้ากา
ตะเกียบ ตะเกียบก้นชิด ตรง
ปาก ปากใหญ่ยาว ปลายปากงองุ้ม มีร่องปากหรือร่องน้ำลึกทั้ง 2 ข้าง ปากสีขาวอมเหลือง สีรับกับสีแข้ง เล็บและเดือย
หาง หางพัดยาวเรียบสีเทาเช่นเดียวกับขนพื้นลำตัวหรือปีก หางกระรวยสีขาวปนเทา หางทรงฟ่อนข้าว พลูจีบ หรือหางม้า ขั้วหางใหญ่ มีกระปุกน้ำมันใหญ่และอันเดียว
จมูก รูจมูกโปร่งกว้าง สันจมูกเรียบติดกับปาก สีเดียวกับปาก
แข้ง ขา ปั้นขาใหญ่ กลมกลึง แข้งเรียวกลมกลึงแบบลำหวาย แข้งสีเดียวกับปาก ขนปั้นขาสีเทา
ตา ขอบตาเป็นรูปวงรี ขอบตาสองขั้น ดวงตาแจ่มใส สีขาวอมเหลือง มีเส้นเลือดในตาขาวเด่นชัด
เกล็ด เกล็ดแข้งสีขาวอมเหลืองรับกับสีปาก เกล็ดเรียงเป็นระเบียบแบบ 2 แถว จะมีเกล็ดพิฆาต เช่น เสือซ่อนเล็บ ไชบาดาล และอื่นๆ
หงอน เป็นหงอนหิน หรือหงอน 3 แฉก หน้าหงอนบาง กลางหงอนสูง ท้ายหงอนกดรัดกระหม่อม
นิ้ว นิ้วเรียวยาว ปุ่มนิ้วมีตัวปลิง เกล็ดนิ้วมักแตกหรือแซม เล็บนิ้วจะสีเดียวกับนิ้วหรือปากแข้ง
หู ตุ้มหู ตุ้มหูรัด ไม่หย่อยยาน รูหูมีขนสีเดียวกับสร้อยปิดอยู่
เดือย เดือยแหลมคม แบบเดือยงาช้าง ฐานเดือยจะมั่นคง
เหนียง เหนียงรัดรึงติดกับคาง ไม่หย่อนยาน สีเดียวกับหงอน
เขน ขนพื้นฐานลำตัวสีเทาตามพันธุ์ ขนปีก ขนหางพัด มีสีเทา ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง และขนระย้าสีเดียวกันตามพันธุ์ เช่น ดำ ประดู่ ขี้เถ้า ทองแดง และเหลืองทอง
กระโหลก กะโหลกหัวยาว 2 ตอน ตอนหน้าเรียวยาว เล็กกว่าท่อนหลัง มีรอยไขหัวกลางกะโหลก
กริยาท่าทาง เป็นไก่ที่สง่างามอีกพันธุ์หนึ่ง ยืน เดิน ทะมัดทะแมง ยืนตัวตรง กระพือปีกตลอดเวลา มีชั้นเชิงหลายกระบวนท่า
คอ คอยาวรูปเคียว ปล้องคอชิดแน่น สร้อยคอขึ้นเป็นระเบียบสีเดียวกับสร้อยหัวปีกสร้อยคอและสร้อยหลัง ลักษณะเด่นประจำพันธุ์เพศเมีย
ไก่เทาเพศเมีย มีรูปร่างลักษณะเพรียวบางสูงยาวระหง คอรัด คางรัด หน้าแหลมกลมกลึงแบบหน้านก ลำตัวยาวกลมจับยาว 2 ท่อน ขนพื้นลำตัวและขนหลังเส้นเล็กละเอียดเรียงกันเป็นระเบียบ กระเบน หางรัด สีขนพื้นลำตัว ขนหลัง ขนปีก ขนหาง และขนคอเป็นสีเทาเหมือนกันทั้งตัว สีจะแก่-อ่อนต่างกันตามสายพันธุ์เหมือนขนพื้นลำตัวของตัวผู้ ส่วนที่แตกต่างกันเห็นได้ชัด คือ ขนสร้อยคอจะมีขลิบสีไปตามพันธุ์เหมือนขนสร้อยคอตัวผู้ เช่น เทาทองคำจะมีขลิบสีเหลือง เทาทองแดงจะมีขนขลิบสีแดง เทาสวาดหรือเทาเรือรบจะมีขนขลิบสีเทา เทาหม้อหรือเทาประดู่จะมีขนขลิบสีประดู่ เทาขี้เถ้าหรือเทายวงหรือเทานกพิราบจะมีขนขลิบสีขาว เทาสีดำสีตาจะเหมือนตัวผู้ ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีขาวอมเหลืองและแดงเหมือนตัวผู้เช่นกัน
No comments:
Post a Comment